ยุคโมเซ ภาคแรก
1.
เหมือนการศึกษาใดๆอย่างต่อเนื่อง  
พระคัมภีร์จะมีความหมายต่อท่านก็ต่อเมื่อท่านกำหนดเวลาในการศึกษาเป็นประจำทุกวัน  
ท่านจะประหลาดใจว่าท่านสามารถเรียนจบบทเรียนแต่ละบทโดยใช้เวลาไม่นานพร้อมทั้งใช้เวลาตอบคำถามท้ายบท  
โปรดระลึกว่าการอธิษฐานด้วยความจริงใจกับการศึกษาพระคัมภีร์ประจำวันไปควบคู่กัน
2.
ก่อนที่ท่านจะส่งคำตอบท้ายบท  
ถ้าท่านมีคำถามหรือข้อคิดเห็นใดๆที่เป็นประโยชน์กรุณาเขียนถึงเรา  
เรายินดีที่จะรับคำถามและข้อคิดเห็นจากท่านเพราะแสดงว่าท่านมีความสนใจและจริงใจ
3. “ยุคโมเซ” 
ภาคแรก 
เป็นชื่อของหัวข้อในบทเรียนนี้ ซึ่งเป็นชื่อของโมเซที่พระเจ้าได้ประทานพระบัญญัติของพระคัมภีร์เดิมให้แก่พวกยิว  
(โยฮัน 1:17) 
ยุคนี้เริ่มตั้งแต่โมเซครอบคลุมประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์เดิมจนถึงช่วงเวลาชีวิตของพระเยซู  
และสิ้นสุดที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน
4.
ประวัติศาสตร์ของพระคัมภีร์แบ่งออกเป็นสามยุค  ยุคแรกคือยุคบรรพบุรุษ  
ยุคที่สองคือยุคโมเซ  และยุคสุดท้ายคือยุคคริสเตียน
5.
ในการศึกษายุคบรรพบุรุษ ภาพท้ายสุดเป็นภาพที่พระเจ้าได้ทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งสุดท้ายแก่กษัตริย์ฟาโรห์และชาวอียิปต์  
ความตายได้เข้าไปเยือนทุกบ้านที่ไม่มีเลือดแกะปะพรมที่กรอบประตู  กษัตริย์ฟาโรห์ได้สูญเสียโอรสองแรกไป  
ท่ามกลางโศกนาฏกรรมที่ครอบงำทั่วประเทศอียิปต์  กษัตริย์ฟาโรห์ออกคำสั่งให้ปล่อยชนชาติยิศราเอลออกจากการเป็นทาส  
ทันทีชนชาติยิศราเอลได้พากันเดินทางออกไปจากประเทศอียิปต์ (เอ็กโซโด 12:29-51)
6.
ผู้ที่ศึกษาพระคัมภีร์ 
จะพบว่าการศึกษาเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ตอนนี้เป็นประสบการณ์ที่น่าทึ่ง  
มีคนนำไปสร้างภาพยนตร์ทำให้เรื่องราวในพระคัมภีร์ตอนนี้น่าตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง  
อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์ก็เป็นความจริงเท่านั้นที่จะทำให้ผู้ศึกษาเตรียมตัวเพื่อจะไปสวรรค์
7.
นี่คือแนวทางการศึกษาพอสังเขปของยุคโมเซ  วนเวียนอยู่ในป่าภูเขาซีนาย, 
พลับพลา, คะนาอัน, ผู้วินิจฉัย, 
กษัตริย์, อาณาจักรแบ่งแยก (ยูดา, 
ยิศราเอล)   
ยุคของโมเซจบลงด้วยเรื่องของผู้พยากรณ์  
กำเนิดของพระเยซู  พระราชกิจของพระองค์และการสิ้นพระชนม์ของพระองค์บนไม้กางเขน
8.
ขณะที่โมเซได้นำชนชาติยิศราเอลออกจากประเทศอียิปต์ไปยังทะเลแดง  กษัตริย์ฟาโรห์เกิดมีใจแข็งกระด้างตัดสินใจยกทัพติดตามชนชาติยิศราเอลหวังที่จะต้อนพวกเขากลับมาเป็นทาสอีก  
เมื่อกองทัพอียิปต์ติดตามไปอย่างกระชั้นชิด  โมเซได้ร้องแก่ชนชาติยิศราเอลว่า
“จงยืนอยู่นิ่งๆจะได้เห็นความรอดมาแต่พระยะโฮวา 
....” (เอ็กโซโด 14:13) 
แล้วพระเจ้าได้ตรัสแก่โมเซว่า “จงสั่งชนชาติยิศราเอลให้เดินไปข้างหน้าเถิด” 
โมเซได้ยกไม้เท้ายื่นไปเหนือทะเลโดยฤทธานุภาพของพระเจ้าทะเลก็แหวกออกเป็นช่องโดยการอัศจรรย์นี้ทำให้ชนชาติยิศราเอลเดินบนที่ดินแห้งท่ามกลางทะเล 
(เอ็กโซโด 14:15-22)
9.
เห็นพวกเฮ็บรายเดินบนที่แห้ง  พวกอียิปต์จึงติดตามไป  แต่เมื่อชนชาติยิศราเอลไปถึงฝั่งตรงกันข้ามด้วยความปลอดภัย  
ทำให้พวกอียิปต์ที่ติดตามไปจมน้ำตายในทะเล  (เอ็กโซโด 14:23-30) 
พระคัมภีร์กล่าวว่า “เมื่อชนชาติยิศราเอลได้เห็นการใหญ่ซึ่งพระยะโฮวาได้ทรงกระทำแก่ชาวอายฆุบโตเขามีความเกรงกลัวพระยะโฮวา 
ได้เชื่อถือพระองค์และโมเซผู้รับใช้ของพระองค์ด้วย” (เอ็กโซโด 
14:31)
10.
มิระยามพี่สาวของโมเซ  
ได้นำพลไพร่ร้องเพลงสรรเสริญด้วยความยินดีเพราะพวกเขาได้หลุดพ้นจากการเป็นทาส  
พวกเขาได้ร้องเพลงสรรเสริญว่า  
 
“ขณะนั้นโมเซกับชนชาติยิศราเอลได้ร้องเพลงบทนี้ถวายพระยะโฮวาว่า 
"ข้าพเจ้าจะร้องเพลงสรรเสริญพระยะโฮวาเพราะพระองค์ทรงได้ชัยชนะอย่างสง่าผ่าเผย 
พระองค์ได้ทรงผลักม้าและพลม้าลงในทะเล” (เอ็กโซโด 15:1) 
การหลุดพ้นจากการเป็นทาสเป็นสัญลักษณ์เล็งถึงคนบาปที่ได้เรียนรู้จักน้ำพระทัยของพระเจ้า  
และได้หลุดพ้นจากความเป็นทาสบาป (โยฮัน 8:32)
11.
หัวข้อต่อไป  ลูกศรสีแดงชี้ไปที่ 
 
“วนเวียนอยู่ในป่า” 
ชนชาติยิศราเอลต้องเดินทางวนเวียนอยู่ในป่าเป็นเวลา 40 ปีเพราะความไม่เชื่อ
12.
ในป่าทุระกันดาร  พระเจ้าได้เลี้ยงพลไพร่ของพระองค์ด้วยอาหารจากสวรรค์เรียกว่า
“มานา” 
และพระเจ้าได้ประทานฝูงนกกะทาให้เป็นเนื้ออาหาร (เอ็กโซโด 16:1-15) 
แม้ว่าชนชาติยิศราเอลได้บ่นต่อว่าพระเจ้าและกบฏต่อพระองค์  
แต่พระองค์ก็ยังคงห่วงใยและสอนพวกเขาให้เรียนรู้จักพึ่งพาพระองค์
13.
ดินแดนที่พลไพร่ของพระเจ้าเดินวนเวียนเป็นทะเลทราย  
ดังนั้นเมื่อพวกเขาต้องการน้ำดื่มพระเจ้าได้ทรงจัดสรรให้พวกเขา  
พระองค์ได้ทำให้ไหลออกมาจากก้อนหินเพื่อสนองความต้องการของพวกเขา (เอ็กโซโด 17:1-6) 
เหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้สำแดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงจัดสรรสิ่งจำเป็นให้แก่ผู้ที่ติดตามการเป็นผู้นำของพระองค์ 
(บทเพลงสรรเสริญ 37:25, โรม 8:32)
14.
ภูเขาซีนาย  
ในที่สุดก็สามารถมองเห็นภูเขาซีนายสุดสายตาแต่ไกลเมื่อพลไพร่ของพระเจ้าเดินทางลงไปทางใต้  
พระเจ้าได้ประทานพระบัญญัติของพระองค์บนภูเขานี้โดยโมเซ
15.
บริเวณแห่งนี้  เมื่อ 40 
ปีก่อนหน้านี้โมเซได้หนีมาอยู่ที่นี่เมื่อได้ฆ่าชาวอียิปต์  
ที่นี่อีกเหมือนกันที่พระเจ้าได้ทรงตรัสแก่โมเซที่พุ่มไม้ที่ไฟไหม้โชนอยู่  
ขณะนี้อีกครั้งหนึ่งโมเซได้พาพวกยิศราเอลมาตั้งค่ายอยู่รอบบริเวณภูเขาซีนาย  
ครั้งนี้พระเจ้าได้ตรัสแก่โมเซให้ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเข้าเฝ้าพระองค์
16.
ท่ามกลางเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่า  และความพรั่นพรึงต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้า  
โมเซได้รับพระบัญญัติ 10 ประการ (เอ็กโซโด 19:3-20:17)
“อย่าได้มีพระเจ้าอื่นต่อหน้าเราเลย”
“อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน .... 
อย่าออกพระนามพระยะโฮวาพระเจ้าของเข้าเปล่าๆ ... 
จงระลึกถึงวันซะบาโตถือเป็นวันบริสุทธิ์ ... จงนับถือบิดามารดาของเจ้า ... 
อย่าฆ่าคน .. อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา ... อย่าลักทรัพย์ ... 
อย่าเป็นพยานเท็จต่อเพื่อนบ้าน  .. อย่าโลภ ....” 
ตรงกันข้ามขณะที่โมเซอยู่บนภูเขาเพื่อรับพระบัญญัติ  แต่ชนชาติยิศราเอลเบื้องล่างภูเขาได้ทำรูปวัวทองคำเพื่อนมัสการกราบไหว้ 
(เอ็กโซโด 32:1-14)
17.
โมเซได้ลงมาจากภูเขา  
โมเซโกรธเมื่อได้เห็นพลไพร่ของพระเจ้าพากันก้มกราบนมัสการรูปวัวทองคำ  พวกยิศราเอลได้ละเมิดบัญญัติ 
10 ประการข้อที่2
 
“อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน 
.. อย่ากราบไหว้หรือปรนนิบัติรูปเหล่านั้น” (เอ็กโซโด 20:4-5) 
ด้วยความโกรธโมเซได้ทำให้แผ่นดินศิลาสองแผ่น  ที่พระเจ้าได้เขียนบัญญัติ 10 
ประการไว้แตกไป (เอ็กโซโด 32:15-19)
18.
แล้วโมเซได้เผารูปวัวทองคำ  
บดเป็นผงละเอียดใส่ลงในภาชนะที่ใส่น้ำบังคับให้พลไพร่ที่กราบไหว้รูปวัวทองตำดื่มเป็นการลงโทษมีสามพันคนที่ไม่ยอมกลับใจเสียใหม่ถูกลงโทษถึงแก่ชีวิต 
ทำให้ชนชาติยิศราเอลทุกคนมีความเคารพยำเกรงพระเจ้า (เอ็กโซโด 32:20-28) 
พระเจ้าไม่พอพระทัยการที่มนุษย์ไปกราบไหว้รูปปั้นรูปเคารพ 
ในปัจจุบันนี้เช่นเดียวกัน (โรม 1:21-24)
19.
พระเจ้าได้เรียกให้โมเซขึ้นไปเฝ้าบนภูเขาอีกครั้ง  หลังจาก 40 
วันอีกครั้งหนึ่งโมเซได้ลงมาจากภูเขาซีนายพร้อมด้วยแผ่นศิลาบัญญัติ 10 ประการ  
ซึ่งเขียนขึ้นโดยพระหัตถ์ของพระเจ้า (เอ็กโซโด 34:1-35) 
บัญญัติ 10 ประการเหล่านี้เป็นพื้นฐานบัญญัติทั้งหมดของพระเจ้า  สำหรับพวกยิวที่อยู่ภายใต้ยุคโมเซบัญญัตินี้ได้ให้เป็นบัญญัติของพวกยิวโดยเฉพาะ  
อย่างไรก็ตามพระคัมภีร์ใหม่สำแดงน้ำพระทัยของพระเจ้าในปัจจุบันนี้  โมเซบอกพวกยิศราเอลว่าในอนาคตเบื้องหน้าพระเจ้าจะประทานศาสดาพยากรณ์เหมือนกับท่านให้เกิดขึ้น  
โมเซหมายถึงพระเยซูคริสต์เจ้านั่นเอง  
ผู้ซึ่งจะเป็นผู้ปลดปล่อยมนุษย์ให้พ้นจากการเป็นทาสบาป (พระบัญญัติ 18:18,กิจการ 
3:22-23)
20.
พลับพลา  เป็นสถานที่นมัสการที่พระเจ้าพระบิดาได้ทรงกำหนดขึ้นครั้งแรก
21.
พลับพลา  มีรูปร่างดังจิตกรได้แสดงไว้ในภาพนี้  พระคัมภีร์สอนว่าพลับพลามีลักษณะเหมือนกระโจมได้ทำขึ้นสำหรับพลไพร่ของพระเจ้าขณะที่เคลื่อนขบวนไปในดินแดนทุระกันดาร  
ทั้ง 12 ตระกูลของพวกยิศราเอลจะตั้งอยู่บริเวณรอบพลับพลา (อาฤธโม 1:51-2:34) 
โมเซได้สร้างพลับพลาตามรายละเอียดที่พระเจ้าได้ออกแบบไว้ให้กับโมเซบนภูเขาซีนาย (เฮ็บราย 
8:5) เหนือพลับพลามีเสาไฟในเวลากลางคืน  
และเสาเมฆในเวลากลางวันเป็นสัญญาณบอกให้ทราบว่าพระเจ้าทรงสถิตอยู่ท่ามกลางชนชาติยิศราเอล  
แต่ปัจจุบันนี้พระเจ้าทรงสถิตอยู่ในใจของบรรดาคริสเตียนทั้งหลายโดยความเชื่อ 
(2โกรินโธ 6:16-18)
22.
วัสดุต่างๆ ที่นำมาใช้สร้างพลับพลา  พลไพร่ของพระเจ้าได้นำมาถวายโดยความสมัคใจ  
คุณค่าของพลับพลาคงมีราคาแพงมากเพราะวัสดุที่มีค่ามหาศาลเป็นจำนวนมากที่นำมาใช้ในการสร้างพลับพลา  
พลไพร่ของพระเจ้าได้นำสิ่งของมีค่านำมามอบให้โมเซอย่างมากมายจนเกินความต้องการ  
โมเซต้องบอกห้ามไม่ให้ชนชาติยิศราเอลนำของเหล่านี้มาให้อีก (เอ็กโซโด 35:4-36:6) 
ปัจจุบันนี้ในยุคคริสเตียนคริสตจักรขององค์พระผู้เป็นเจ้าต้องได้รับการถวายทรัพย์ด้วยความสมัครใจ  
เหมือนชนชาติยิศราเอลสมัยโน้น?  
พระเจ้าได้ประทานให้เรามากมายเหนืออื่นใดพระเจ้าได้ประทานพระบุตรของพระองค์เพื่อเป็นค่าไถ่บาปของมนุษย์ทุกชาติ
23.
พิจารณาเฟอร์นิเจอร์ 3 อย่างที่อยู่ในพลับพลา  
สิ่งแรกคือแท่นสำหรับเผาถวายเครื่องหอมซึ่งอยู่ในพระคัมภีร์เดิม  
พวกปุโรหิตจะต้องเผาเครื่องหอมตามบัญญัติของโมเซ  
พวกที่จะทำหน้าที่เป็นปุโรหิตจะต้องมาจากตระกูลเลวีเท่านั้น  
อย่างไรก็ตามปัจจุบันนี้ในยุคคริสเตียนพระคัมภีร์สอนว่าคริสเตียนทุกคนเป็นปุโรหิต 
(1เปโตร 2:5,9) 
การเผาถวายเครื่องหอมเพื่อถวายนมัสการพระเจ้าเป็นการปฏิบัติตามกฎของพระคัมภีร์เดิมอย่างเคร่งครัด  
พระเจ้าไม่ได้กำหนดให้เผาเครื่องหอมในยุคคริสเตียนปัจจุบันนี้  แต่พระองค์กำหนดให้คริสเตียนอธิษฐานเป็นสุคนธรสถวายนมัสการพระเจ้า 
(วิวรณ์ 5:8)
24.
ปุโรหิตสองคนในพระคัมภีร์เดิม  นาดาบกับอะบีฮูขณะที่ได้ถวายเครื่องหอมได้ถูกลงโทษถึงชีวิตจากไฟที่มาจากสวรรค์  
พระเจ้าได้สั่งไว้ชัดเจนว่าต้องนำไฟพิเศษที่กำหนดไว้มาเผาถวาย  
แต่ปุโรหิตสองคนนี้ได้นำไฟจากที่อื่นที่พระเจ้าไม่ได้สั่งมาเผาถวายเครื่องหอม 
 ตัวอย่างนี้สอนให้เรารู้ว่าการนมัสการจะต้องเป็นไปตามที่พระเจ้าตรัสสั่งไว้ในพระคัมภีร์เท่านั้น  
แทนที่จะเลือกตามความพอใจของเราเอง
25.
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นที่สอง  คันประทีปที่มีกะเปาะไฟเจ็ดดวง (เอ็กโซโด 25:31-40) 
คันประทีปเหล่านี้จะถูกจุดขึ้นทุกเย็นเป็นส่วนหนึ่งของการนมัสการในพระคัมภีร์เดิม  
พระเจ้าไม่ได้เลือกใช้คันประทีปเป็นการนมัสการในพระคัมภีร์ใหม่ในคริสตจักร (เฮ็บราย 
9:1-2, 9-12) 
ปัจจุบันพระคำของพระเจ้าเป็นความสว่างแห่งจิตวิญญาณ  คริสเตียนควรศึกษาพระคัมภีร์เป็นประจำทุกวัน
26.
โต๊ะขนมปังตั้งถวาย  โต๊ะนี้ได้ตั้งไว้ในพลับพลาตามโครงการของพระเจ้า  (เอ็กโซโด 25:23-30) 
ปุโรหิตเท่านั้นที่สามารถรับประทานขนมปังได้เป็นพิธีหนึ่งจะต้องมีการเปลี่ยนขนมปังทุกๆวันซะบาโต 
(วันเสาร์) ปัจจุบันนี้แทนที่จะรับประทานขนมปังตั้งโต๊ะถวายทุกๆวันอาทิตย์คริสเตียนรับประทานพิธีระลึก  
ซึ่งตามพระคัมภีร์ใหม่คริสเตียนทุกคนเป็นปุโรหิต (กิจการ 20:7, 
1เปโตร 2:5)
27.
พลับพลา เป็นกระโจมที่สวยงามแบ่งออกเป็นสองส่วน 
  ส่วนแรกด้านนอกเรียกว่าชั้นที่บริสุทธิ์  
ประกอบด้วยแท่นเผาถวายเครื่องหอมคันประทีป  และขนมปังตั้งโต๊ะถวาย  
ส่วนที่สองต้านเรียกว่าชั้นบริสุทธิ์ที่สุด  มีม่านกั้นแยกสองส่วนออกจากกัน  
พระเจ้าทรงสถิตอยู่ในชั้นที่บริสุทธิ์ที่สุด  
มนุษย์คนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าไปในชั้นบริสุทธิ์ที่สุด  
คือมหาปุโรหิตซึ่งจะต้องเป็นครอบครัวของอาโรนเท่านั้น  
มหาปุโรหิตแต่เพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าไปในชั้นที่บริสุทธิ์ได้ทีละครั้งเพื่อถวายเครื่องบูชาไถ่โทษบาปสำหรับตัวเองและสำหรับชนชาติยิศราเอล 
(เฮ็บราย 9:7) 
แต่ปัจจุบันนี้พระเยซูมหาปุโรหิต  
และเป็นมหาปุโรหิตคนเดียวเท่านั้นที่ทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า  
เพราะฉะนั้นระบบปุโรหิตตามแบบพระคัมภีร์เดิมก็ได้ถูกยกเลิกไปอย่างถาวร (1ติโมเธียว 
2:5)
28.
ภายในชั้นที่บริสุทธิ์ที่สุด  
มีเฟอร์นิเจอร์เพียงอย่างเดียวเท่านั้นคือหีบคำสัญญาไมตรีที่ทำด้วยไม้หุ้มด้วยทองคำ  
ภายในหีบสัญญาไมตรีประกอบด้วยศิลาบัญญัติ 10  ประการ  หม้อใส่มานาที่ไม่เสีย  
และไม้เท้าของอาโรนที่อกช่อเพียงชั่วคืนเดียว  
ในชั้นบริสุทธิ์ที่สุดมหาปุโรหิตแต่เพียงผู้เดียวจะนำโลหิตของสัตว์ประพรมเพื่อเป็นการไถ่โทษบาปของพลไพร่ทั้งปวง  
ด้านบนของหีบคำสัญญาไมตรีเรียกว่า
 
“พระที่นั่งพระกรุณา” 
ในพลับพลาชั้นที่บริสุทธิ์ที่สุดโลหิตของสัตว์ได้ถูกประพรมเพื่อเป็นการไถ่โทษบาปภายใต้ระบบของโมเซ  
แต่ปัจจุบันนี้พระเยซูเป็นมหาปุโรหิตได้เสด็จเข้าไปในสวรรค์เป็นชั้นที่บริสุทธิ์ที่สุดอันแท้นั้น  
พระเยซูได้ถวายพระโลหิตของพระองค์ครั้งเดียวเพื่อความบาปของเราทั้งหลาย
29.  
“และพระองค์ไม่ได้ทรงนำเลือดแพะและเลือดลูกวัวเข้าไป 
แต่ทรงนำพระโลหิตของพระองค์เอง เสด็จเข้าไปในที่บริสุทธิ์นั้น แต่เพียงครั้งเดียว 
และทรงได้ความรอดนิรันดร์ไว้” (เฮ็บราย 9:12) 
เพราะพระโลหิตของพระเยซูเป็นเครื่องบูชาไถ่โทษถาวรนิรันดร  
เพราะฉะนั้นการสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเป็นเครื่องหมายการสิ้นสุดการถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาสิ้นสุดลง 
(เฮ็บราย 10:4-10)
30.
ตอนที่พลับพลายังคงใช้ในพระคัมภีร์เดิม  แท่นเผาถวายเครื่องบูชาตั้งอยู่ข้างหน้าของพลับพลา  
มีการเผาถวายสัตว์เป็นเครื่องบูชาบนแท่นนี้ทุกวันจากแท่นเผาถวายเครื่องบูชามหาปุโรหิตนำโลหิตจากสัตว์ที่เผาเป็นเครื่องบูชาเข้าไปในชั้นที่บริสุทธิ์ที่สุดปีละครั้งในวันของการไถ่โทษ 
(เลวีติโก 16:1-19)
31.
ปุโรหิตที่อยู่ภายใต้บัญญัติของโมเซ  
จะต้องล้างมือให้สะอาดในพานชำระก่อนที่จะเข้าไปในพลับพลา  
ปัจจุบันนี้เราจะต้องถูกชำระล้างโดยพระโลหิตของพระเยซูก่อนที่พระเจ้าจะอนุญาตให้เราเข้าไปในครอบครัวฝ่ายวิญญาณจิต  
คือคริสตจักร (1โกรินโธ 6:9-11, 
1เปโตร 1:18-19)
32.
หลังจากที่ได้สร้างพลับพลาเสร็จแล้ว  พลไพร่ของพระเจ้าเดินทางไปที่ไหนจะแบกพลับพลาไปด้วย  
ไม่นานชนชาติยิศราเอลได้เรียนรู้ว่าการนมัสการในพลับพลามีความสำคัญอย่างยิ่ง  
จะต้องเชื่อฟังพระเจ้าทุกอย่างนำสิ่งอื่นมาทดแทนไม่ได้  
เมื่อเดินทางใกล้ดินแดนของชาติอะโดมพวกชนชาติยิศราเอลได้กบฏพยศต่อพระเจ้าอีกครั้ง  
เพื่อสำแดงให้ความชั่วของชนชาติยิศราเอลที่กบฏพยศต่อพระเจ้าให้ประจักษ์  
พระเจ้าได้ทำให้มีงูพิษทำให้พลไพร่ตายเป็นจำนวนมาก  พวกชนชาติยิศราเอลได้ร้องไห้พระเจ้าช่วยพวกเขา  
พระเจ้าสั่งให้โมเซทำงูทองเหลืองแขวนไว้บนเสา  
ผู้ที่มองรูปงูนี้จะได้รับการรักษาให้หาย  (อาฤธโม 21:4-9) 
โปรดสังเกตว่าพระเจ้าไม่ได้ขจัดงูพิษให้หมดไป  แต่พระองค์ได้หาวิธีรักษาชนชาติยิศราเอลให้หาย  
ปัจจุบันนี้พระเจ้าไม่ขจัดการทดลองออกไป  
แต่พระองค์ได้ยกพระเยซูคริสต์ขึ้นบนไม้กางเขนเพื่อรักษาเหล็กไนแห่งความบาปให้หาย 
(โยฮัน 3:14-15)
33.
แผ่นดินคะนาอัน  แผ่นดินแห่งคำสัญญาเป็นแผ่นดินที่ในที่สุดลูกหลานของชนชาติยิศราเอลที่ออกมาจากประเทศอียิปต์ได้เดินทางไปถึง  
เพราะการที่ชนชาติยิศราเอลไม่มีความเชื่อพวกชนชาติยิศราเอลได้วนเวียนอยู่ในป่าเป็นเวลา 
40 ปี  
พระเจ้าได้ทรงสัญญาแก่อับราฮามหลายปีก่อนหน้านี้ว่าจะประทานแผ่นดินคะนาอันให้แก่ลูกหลานของเขา 
(เยเนซิศ 15) เราจะพิจารณาว่าพระเจ้าได้รักษาคำสัญญาของพระองค์อย่างไร
34.
โมเซกับยะโฮซูอะได้เดินทางมาถึงสถานที่ซึ่งจะวางโครงการในการยึดแผ่นดินคะนาอัน  
โมเซรู้ว่าตัวเองได้ทำความบาปพระเจ้าไม่อนุญาตให้โมเซเข้าไปยังแผ่นดินคะนาอันได้  
โมเซได้แต่งตั้งยะโฮซูอะให้เป็นผู้นำต่อไป  
พระเจ้าได้อนุญาตโมเซให้ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อมองดูแผ่นดินแห่งคำสัญญาเมื่อตอนสิ้นสุดการเดินทาง 
40 ปี หลังจากที่ได้เห็นแผ่นดินแห่งคำสัญญาแล้วโมเซได้ขึ้นไปบนภูเขานะโบ ณ 
ที่นั่นโมเซได้ถึงแก่ชีวิต  แม้ว่ายะโฮซูอะเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของโมเซ  
ทันใดยะโฮซูอะได้ส่งคนสอดแนม 2 
คนเข้าไปยังแผ่นดินคะนาอันเพื่อเตรียมตัวที่จะเอาชนะให้จงได้ (พระบัญญัติ 34:1-12,ยะโฮซูอะ 
1:1-2:24)
35.
ราฮาบหญิงชาวเมืองยะริโฮ  
เธอได้ซ่อนผู้สอดแนมทั้งสองคนที่ตกอยู่ในอันตรายจาการถูกจับ (ยะโฮซูอะ 2:1-24) 
และเธอได้ช่วยให้ทั้งสองหนีไปได้  
แม้ว่าเธอเป็นหญิงชาวต่างชาติแต่เธอได้กลายมาเป็นผู้เชื่อพระเจ้า  ภายหลังชนชาติยิศราเอลได้ช่วยให้เธอและครอบครัวของเธอรอดปลอดภัยเมื่อชนชาติยิศราเอลได้เข้ามาในแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญา
36.
ยะโฮซูอะได้รวบรวมกองกำลังทหาร  
เพื่อที่จะข้ามแม่น้ำยาระเดนและทำสงครามหลังจากที่ได้รับรายงานจากผู้สอดแนมทั้งสองได้รายงานให้โมเซทราบว่า
“เรียนยะโฮซูอะว่าแท้จริง 
พระยะโฮวาได้ทรงมอบแผ่นดินทั้งหมดนั้นไว้ในมือพวกเรา 
ทั้งบรรดาชาวเมืองนั้นก็อ่อนกำลังไปข้างหน้าเรา” (ยะโฮซูอะ 
2:24) 
สิ่งที่ขวางอยู่ข้างหน้าระหว่างแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญากับพลไพร่ยิศราเอลคือแม่น้ำยาระเดนที่เอ่อล้นท่วมสูงขึ้น 
(ยะโฮซูอะ 3:14-17)
37.
ตามคำตรัสสั่งของพระเจ้า  
ปุโรหิตได้แบกหีบคำสัญญาไมตรีลงไปในแม่น้ำยาระเดนที่น้ำกำลังท่วมอยู่  
ทันทีที่เท้าของพวกปุโรหิตสัมผัสแม่น้ำยาระเดนพระเจ้าทำให้แม่น้ำยาระเดนแห้งไปทำให้พวกยิศราเอลสามารถเดินข้ามแม่น้ำยาระเดนบนที่ดินแห้ง  
พลไพร่เหล่านี้เป็นคนชั่วอายุใหม่ที่เกิดขึ้นภายหลัง  ยะโฮซูอะกับคาเล็บสองคนเท่านั้นที่มีชีวิตอยู่ที่เป็นคนรุ่นแรกที่ออกมาจากประเทศอียิปต์  
ก่อนหน้า 40 ปี ชนชาติยิศราเอลที่เหลือทั้งหลายได้ตายตอนที่วนเวียนอยู่ในป่า (อาฤธโม 
26:63-65) 
เตือนให้เราระลึกถึงคำตรัสของพระเยซูเรื่องทางแคบ “เพราะว่าประตูคับและทางแคบซึ่งนำไปถึงชีวิตนั้นก็มีผู้พบปะน้อย”
(มัดธาย 7:14) ชนชาติยิศราเอลที่สัตย์ซื่อได้ข้ามแม่น้ำยาระเดนได้เข้าไปยึดดินแดนและครอบครองแผ่นดินที่พระเจ้าทรงสัญญาไว้ก่อนที่ยะโฮซูอะจะสิ้นชีวิต
38.
หลังจากยะโฮซูอะสิ้นชีวิต  ผู้วินิจฉัยเป็นหัวหน้าทางการทหารครอบครองดูแลชนชาติยิศราเอลเป็นเวลา 
300 ปี  ชนชาติยิศราเอลอยู่ภายใต้การปกครองของพระเจ้าโดยไม่มีศูนย์การปกครองของรัฐบาลกลาง  
พระเจ้าได้เลือกผู้นำเรียกว่า
 
“ผู้วินิจฉัย” 
ให้ทำหน้าที่ในการสนองความต้องการของพลไพร่ (ผู้วินิจฉัย 2:16-19)
ตอบคำถาม คลิกที่นี่ https://docs.google.com/forms/d/1pAZ-X15i8VVPNHLG6_oZuYQ2l-QZYchlwyiQnk8NaYA/viewform
